Drive My Car (2021)

Drive My Car (2021)

Drive My Car (2021 / Ryûsuke Hamaguchi)
(Japan)

กำหมัด..เป็นปีๆ

เปิดเผยเนื้อหา ********

เปิดเรื่องมาเหมือนไม่มีอะไร ได้เห็นชีวิตคู่ที่มีความสุขจนกระทั่ง ภาพบาดตาเรื่องนึงของเมียที่แอบกระทำตอนผัวไม่อยู่บ้านนั่นแหละ ฉันนี่กำหมัดไปพร้อมๆ กับผัวที่ไม่รู้จะจัดการกับตัวเองยังไงนอกเหนือจากทำงานละครเวทีและขับรถ จนเมื่อเมียตายเพราะเลือดออกในสมอง แล้วส่งผลให้ตัวเขาไม่สามารถแสดงละครเวทีในบทตัวหลักตัวนั้นได้อีกเลย …. 2 ปีผ่านไป แคสนักแสดงใหม่ทั้งทีมแบบนานาชาติหลากหลายภาษาแล้วตัวเขาก็เลื่อนตำแหน่งมาอยู่ในตำแหน่งผู้กำกับแทนเท่านั้น ซึ่งฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าเขายังกำหมัดอยู่หรือไม่ หรือว่าแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับงานออกไปได้ ให้ความสำคัญกับงานมากกว่าการกำหมัด

จนเมื่อถึงซีนสนทนากับคู่กรณีเท่านั้นแหละ ถึงได้รู้ว่าเขายังคงกำหมัดแน่นเหมือนเดิมอยู่ ซึ่งไอ้ซีนนี้แม่งโหดสัสมาก คือเป็นแค่ฉากชายสองคนคุยกันในรถแค่นั้นเอง แต่ขนลุกมาก เพราะในหัวข้อเรื่องที่เขาคุยกันมันหนักเหี้ยๆ

พอใช้คำว่ากำหมัดมาเป็นตัวเปิดการเขียนยิ่งรวมกับเหตุการณ์ต้นเรื่องแล้ว มันก็สื่อออกมาได้ทางเดียวในทีแรกแหละว่า เป็นความโกรธแค้น แต่เมื่อรับชมไปเรื่อยๆ การกำหมัดมันไม่ได้มีความหมายแค่เรื่องความสัมพันธ์นอกใจ+ชายชู้กันอย่างเดียวละ มันรวมไปถึงบาดแผลที่เกิดจากเหตุการณ์นั้น การหลบซ่อนปกปิดความรู้สึก,การหันหลังหนี,ไม่กล้าชนความจริง,ไม่ปล่อยวาง,ไม่ก้าวข้าม เพราะรู้สึกเจ็บปวดกับมันอยู่ตลอดเวลาจึงต้องกำ(พวกมันไว้ใน)หมัดอยู่แบบนั้นมาตลอดมา จนกระทั่งการได้พบคนที่สามารถพูดคุยเปิดเผยปลดปล่อยต่อกันได้นั่นแหละ ไม่ว่าจะเรื่องราวในใจของเขาหรือเธอก็ตาม

วกกลับไปยังซีนสนทนาในรถหน่อย มันโหดสัสก็ตรงที่ การพยายามบดขยี้อีกฝ่ายที่เป็นชายชู้ผ่านการพูดถึงเมียตัวเองแบบอ้อมในทำนอง เอ๊งมันไม่ใช่หนึ่งเดียวที่รักของเมียฉันหรอก เพราะเมียฉันมันเอาหนุ่มๆ ที่ทำงานด้วยไปทั่ว พร้อมกับขิงว่าเรื่องการเขียนบทที่เมียเขียนที่เอ็งซาบซึ้งและอินน่ะ ส่วนใหญ่แล้วไอเดียมันมาจากฉันทั้งหมดแหละ แค่เมียนำไปเกลาคำใหม่อีกทีจนกลายเป็นบทหนังที่เอ็งซาบซึ้งนั่นแหละ
แล้วการย้อนกลับของอีกฝ่ายที่พูดเมียเขานี่แหละ ที่เล่นเอาขนลุก นายคนนี้ก็ไม่ได้ยอมรับตรงหรอกว่าได้นอนกับเมียคนอื่น แต่บอกแค่บทสนทนาที่เคยได้คุยกับเมียเขานั้น การที่ผัวขิงเรื่องที่เมียเล่าเรื่องตอนมีเซ็กส์ให้ผัวฟังตอนเอากัน มันยังมีตอนต่อหลังจากนั้นอีกที่ผัวไม่เคยรู้ ตอนต่อที่ผัวไม่เคยฟัง มันได้กลายเป็นการเปรียบเปรยความจริงจากปากเมียผ่านเรื่องตอนต่อที่สัญลักษณ์ทุกอย่างในเรื่องมันผัวของเธอเอง โดยมีเรื่องการรู้/ไม่รู้ความลับเมียของผัวเป็นใจความสำคัญ

เนี่ย แค่เนื้อหาในบทสนทนาของผู้ชายสองคนเท่านั้น มันทำให้ลุ้นระทึกเสียยิ่งกว่าหนังแอคชั่น/หนังไล่ฆ่ากันเสียอีก

อีกอย่างที่นอกเหนือจากความเป็นจุดเด่นเรื่องการแค่ได้ฟังตัวละครในหนังพูดคุยกันไปมาแล้วเราคนดูก็รู้สึกและเพลิดเพลินไปกับมัน ก็คือเรื่องส่วนอื่นในหนังที่อยู่นอกเหนือจากเส้นเรื่องหลัก
อย่าง Drive My Car นี่ก็คือ บทหนังละครเวทีที่ตัวเอกเราเป็นนักแสดง/เขียนบทและกำกับนั่นแหละ เมื่อถึงช่วงๆ หนึ่งแล้ว ภาพรวมของละครเวทีที่อยู่ในหนัง มันก็ได้กลายเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งไปด้วยเลย แล้วพอย้อนไปดูหนังเรื่องอื่นๆ ของฮามากูชิ มันก็มีบางส่วนที่ไม่อยู่บนเส้นเรื่องหลักแต่น่าสนใจไม่ต่างกัน
Wheel of Fortune and Fantasy คือเนื้อหาในนิยายที่ตัวละครหญิงตัวหนึ่งอ่านในผู้เขียนฟัง เนื้อหานิยายที่พุ่งเป้าไปยังเรื่องใต้สะดือ
Happy Hour ก็เพลินกับการตั้งเก้าอี้กัน 555
Intimacies อันนี้จัดเต็มเลย ครึ่งแรกคือเรื่องราวในกองฝึกซ้อมละครเวที ครึ่งหลังเราคนดูก็จะได้ดูละครเวทีเรื่องนั้นแบบเต็มเรื่องไปด้วยเลย

Tags: , , ,

Leave a comment