Archive | September 2020

Farewell to Dream (1956)

Farewell to Dream (1956 / Keisuke Kinoshita)
(Japan)

เปิดเผยเนื้อหา *****

เป็นเรื่องราวของครอบครัวจนๆ กับสิ่งที่พวกเขาต้องพบเจอ/ปรับตัวและเสียสละ
เมื่อพ่อเสียชีวิตไป ลูกชายคนโตจึงต้องเข้ามาดูแลร้านขายปลาต่อจากพ่อ ใจจริงลูกชายไม่ชอบบรรยากาศที่บ้านเป็นร้านขายปลา เพราะกลิ่นติดตัว ไปไหนมาไหนผู้คนมักถอยห่างออกจากเขา แต่สุดท้ายนี่คงเป็นการเสียสละความต้องการของตัวเองเพื่ออุทิศชีวิตให้ครอบครัวตัวเองเดินหน้าต่อไปได้

แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาที่ทำให้หนังมันมีความไปสุดในขั้วตรงข้ามกัน ในเรื่องการเสียสละตัวเองเพื่อครอบครัว โดยตัวหลักที่ใช้งานนั้นก็คือ พี่สาวคนโต ผู้ที่ให้ความสำคัญกับความต้องการตัวเองเป็นที่หนึ่ง ครอบครัวเหรอช่างมันสิ
ผู้คนล้วนพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า ลูกสาวร้านขายปลาบ้านนี้ ช่างเป็นผู้หญิงที่สวยและสง่างาม แต่ในความเป็นจริงแล้ว หญิงสาวคนนี้นิสัยบัดซบสิ้นดี สิ่งเดียวที่เธอมองหาในชีวิต “ของตัวเอง” ก็คือความสบายและเงินทอง ตอนแรกตั้งเป้าจะแต่งกับชายคนหนึ่งที่พ่อเขามีธุรกิจที่รุ่งเรือง แต่พอรู้ว่าธุรกิจของพ่อฝ่ายชายพัง หญิงสาวสะบัดบ็อบเลยจ้า ยกเลิกงานแต่ง มองหาผู้ชายคนใหม่ที่มีเงิน ไม่สนไม่แคร์ว่าจะต้องเป็นเมียคนที่สองกับผู้ชายที่อายุมากกว่าตัวเองสองรอบ ผู้คนจะมองครอบครัวมองพ่อแม่บ้านนี้ยังไงกับการกระทำของหญิงสาวลูกสาวบ้านนี้ แม้ตัวลูกสาวจะไม่สนชั้นไม่แคร์ก็ตาม แต่ไอ้สถานการณ์อึดอัดทั้งหลายที่ลูกสาวก่อไว้ ความเครียดที่เกิดขึ้นกระทบต่อสุขภาพผู้เป็นพ่อเป็นอย่างมาก ลูกสาวก็รับรู้นะแต่ไม่สนไม่คิดจะแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงปรบตัวเลยแต่อย่างใด สนใจแต่ความต้องการตัวเองเป็นหลักไว้เหมือนเดิม

พอมีตัวละครพี่สาวคนโตแบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้การต้องเสียสละอะไรไปบ้างของลูกๆ เพื่อครอบครัวมันมีความหนักขึ้นไปอีก ลูกชายคนโตที่เสียสละเป้าหมายความฝัน/ความต้องการในชีวิตของตนเองเพื่อครอบครัว ตัวน้องสาวตัวเล็กๆ เองก็เสียสละตัวเองอย่างช่วยไม่ได้เช่นกัน ครอบครัวนี้มีลูกเยอะ พอพ่อล้ม พี่สาวพึ่งพาไม่ได้ไม่เห็นบ้านอยู่ในสายตา จะมีก็แค่อาที่คอยมาช่วยเหลืออย่างจริงใจ สิ่งที่น้องสาวต้องเสียสละคือการต้องจากแม่จากพี่ชายจากครอบครัวไป เพื่อไปอยู่ในความอุปการะของอาเธอ แบ่งเบาภาระครอบครัวออกไป

ยิ่งเข้าช่วงท้าย การเอาสองตัวละครมาเทียบกันพี่สาว/น้องชาย ยิ่งสะเทือนใจตามเป็นที่สุด
พี่สาวทำอะไรตามใจชอบ ไม่แคร์คนอื่น ตัวเองสำคัญที่สุด อยากได้อะไรก็ต้องได้ เลือกผู้ชายจะแต่งด้วยผลตอบแทนที่เป็นเม็ดเงินปรนเปรอตัวเอง พอสบโอกาสดีก็ลาออกจากงานเลย แต่งงานแล้วผัวขี้บ่นชอบควบคุมก็ช่างมัน หนีไปเที่ยวกับผู้ชายคนที่ตัวเองเคยทิ้งมาก่อนแบบไม่รู้สึกผิด เพราะอยู่กับผู้ชายคนนี้แล้วสนุกมีความสุข อยู่กับผัวตัวเองแล้วอึดอัดแม้จะมีความสุขกับสถานะคนรวยก็เหอะ มีบ้างที่พี่สาวแวะไปมากลับมาบ้านมั่งแต่การมาที่บ้านก็เหมือนทางผ่านที่สาวแวะมาพักก็เท่านั้น

ส่วนน้องชาย เขาแทบจะสูญเสียทุกอย่างที่ต้องการหรือทีเขามีความสุขกับมันไปหมด หญิงสาวคนหนึ่งที่เขามักส่องกล้องจากห้องตัวเองไปมองบ่อย เธอสวยแต่เหมือนเธอป่วย เขามีความสุขที่ได้มองอยู่ทุกวัน จนกระทั่งเพื่อนลากเขาไปเดินเสาะหาบ้านของสาวคนนี้กัน พอไปเจอบ้านหลังก็พบว่า หญิงสาวคนนี้เพิ่งแต่งงานแล้วออกจากบ้านหลังนี้ไปต่อหน้าต่อตาเด็กหนุ่ม
ในฐานะพี่ชายคนโตของบ้าน เขารักและเอ็นดูน้องสาวคนนี้มาก มีความสุขที่ได้เดินไปไหนมาไหนหยอกล้อเล่นด้วยกัน จนกระทั่งวันที่เขาต้องเสียความสุขกับน้องสาวคนนี้ไปตอนที่น้องสาวต้องไปอาศัยอยู่บ้านอาที่โอซาก้าห่างไกลออกไป
แม้กระทั่งอีกความสุขหนึ่งเดียวของเขา คือเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่มองข้ามความยากจนและกลิ่นปลาของเขา เพื่อนที่อยู่เคียงข้างตอนที่ลากเขาไปหาผู้หญิงที่ชอบส่องกล้องดู ในช่วงเวลาที่เขาหลงเหลือแค่ความสุขกับเพื่อนสนิทคนนี้เพียงคนเดียว ก็ไม่วายต้องลาจากกัน ครอบครัวเพื่อนสนิทที่ต้องย้ายไปฮอกไกโดตามการงานของพ่อเพื่อน

-พี่สาวที่สนใจแต่ตัวเอง ทำตามใจตัวเองและได้ทุกอย่างตามต้องการ ไม่สนไม่แคร์คนรอบข้างแม้กระทั่งครอบครัวตัวเอง
-น้องชายที่จำเป็นเสียสละจุดยืนตัวเองเพื่อครอบครัว โชคชะตาที่ทำให้เขาต้องลาจากความสุขทุกอย่างของเขาไปโดยที่ไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่า ต้องยอมรับ/ปรับตัวและพยายามเรียนรู้ที่จะอยู่กับชีวิตที่เป็นอยู่นี้ต่อไป

Da 5 Bloods (2020)

Da 5 Bloods (2020 / Spike Lee)
(USA)

ถ้าจะเอาความสนุกแบบตรึงคนดูจนไม่ต้องไปสนใจอย่างอื่นนอกจากหนังเลย ก็อาจต้องทนไปจนถึงครึ่งเรื่องเลยก็ว่าได้(หรือประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านไป) แต่ระดับความสนุกของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน บางคนอาจสนุกหรือสัมผัสได้ถึงความสนใจมาตั้งแต่แรกเลยก็มี สำหรับฉันครึ่งเรื่องแรก ดูได้เพลินๆ พร้อมกันนั้นก็ได้เข้าใจความสัมพันธ์/อดีตของชายสูงวัยกลุ่มนี้ ส่วนความสนุกของฉันมันคือผ่านครึ่งเรื่องไปแล้วนั่นแหละ ความสนุกที่บังเกิดพร้อมกับอันตรายและภัยคุกคามในการเดินทางมาหาทองกันครั้งนี้ ไม่ว่าจะจากธรรมชาติ/ไม่ธรรมชาติ จากปัจจัยภายนอกและภายใน ที่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้ฉันได้ตอบสนองด้วยการนั่งลุ้นไปกับชะตากรรมของพวกเขา
แบบว่าตอนแรกก็ไม่คิดถึงสถานการณ์อะไรแบบนี้ในครึ่งหลังเลยนะ เพราะคิดแค่ว่ากับอีแค่มาเดินทางหาทองในเวียดนามยุค”ปัจจุบัน”แบบนี้เท่านั้นเอง

Mother, I Am Suffocating. This Is My Last Film About You. (2019)

Mother, I Am Suffocating. This Is My Last Film About You. (2019 / Lemohang Jeremiah Mosese)
(Lesotho / Qatar)

เป็นสารคดีที่เสมือนจดหมายที่พูดถึงแม่ของผู้กำกับเองผ่านเสียงการเล่าเรื่อง ส่วนภาพในเรื่องก็จะเป็นประกอบขึ้นมาใหม่หมด ซึ่งก็ตีความไม่ออกว่า จะสื่อไปในด้านไหน เกี่ยวอะไรกับเรื่องราวของแม่ตัวเองหรือสื่อไปในทางประเทศตัวเองหรือเปล่า มันคือภาพของหญิงสาวเดินลากกางเขน มีบริวารคนแปลกๆ เดินตามแล้วไปจบที่การฉีกเนื้อแกะกันของชาวบ้าน

สำหรับส่วนที่ตรึงไว้ได้จริงๆ ก็คือการพูดถึงแม่ตัวเองนี่แหละ แม่ผู้อ่อนโยนแม่ผู้ที่เป็นควรแม่สำหรับลูกๆ ผู้ที่เปลี่ยนไปจากการมาของนักบวชศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง ทุกอย่างที่ล้วนเป็นปกติก็ถูกแทนที่ด้วยทุกอย่างที่ลากเกี่ยวกับศาสนา/คำสอน แม่ได้กลายเป็นคนที่เย็นชาและห่างเหิน แล้วมุมมองต่อโลกของแม่ก็ผิดเพี้ยนไปซึ่งก็กลายเป็นฝันร้ายของลูกไปในที่สุด ลูกที่ทั้งรักทั้งเกลียด ทั้งรักทั้งเกลียด ทั้งรักทั้งเกลียดแม่ ที่ส่วนท้ายเขาก็ออกห่างจากแม่มา ไปเป็นผู้ลี้ภัยอพยพไปอยู่ต่างแดน มีชีวิตใหม่ที่นั่น

Hard boiled (1992)

Hard boiled (1992 / John Woo)
(Hong Kong)

ไอ้ห่า ฉากเปิดนึกว่าฉากไคลแม็กซ์ท้ายเรื่อง แล้วก็ทำให้นึกนะว่า นี่แค่ฉากเปิดนะแล้วไคลแม็กซ์จริงๆ ล่ะ มันจะอยู่ระดับไหน ซึ่งพอถึงไคลแม็กซ์ท้ายเรื่องจริงๆ พ่อตาย เล่นใหญ่/อลังฉิบหาย ทำเอาเลี่ยนจนไม่มีอารมณ์คิดอยากดูหนังแอคชั่นแจกกระสุนไปเลยหนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้ 5555

ชอบฟีลการดูพากย์ไทยเสียงโรงนะ เรียกอั๊วเรียกลื้อกันดูนักเลงดี(ในคราบตำรวจ)ไม่ว่าจะเรียกเพื่อนตำรวจด้วยกันหรือตอนคุยกับหัวหน้ามันทำให้ดูไม่มีเส้นแบ่งจริงๆ เหมือนอั๊วพร้อมบวกกับลื้อ(หัวหน้า)อยู่ตลอดเวลา
อีกช่วงคือตอนที่ตัวร้ายพ่อค้าอาวุธคุยกับโทนี่ เรียกตัวเองว่าพี่ เรียกอีกฝ่ายว่าน้อง มันดูความเอ็นดูมาก พี่ที่มีความอยากได้น้องมาครอบครอง น้องต้องมาเป็นของพี่นะ

อีกอย่างสำหรับเรื่องนี้ คือพอได้ดู Infernal Affairs มาก่อน พอเจอเฮียเหลียงในบทผู้ร้ายนักฆ่าในหนังเรื่องนี้ครั้งแรก ก็รู้สึกไม่ไว้วางใจเลยจริงๆ ผ่านไปซักพัก อ้าว บทเดียวกันเลยนิ แถมรู้สึกขำแรงเลย กับบทพูดเท่ๆ ของเฮียเหลียงในเรื่องนี้ “อั้ว เป็นตำรวจ” …. แหม่ มันมีเกร็ดอะไรมั้ย สำหรับบทของเฮียเหลียงที่แทบจะซ้อนกันของสองเรื่องนี้?

Girl House (2014)

Girl House (2014 / Jon Knautz, Trevor Matthews)
(Canada)

เชี่ย โคตรสนุก ยิ่งไปกว่านั้นคือการลองเอาวัฒนธรรมไอดอลญี่ปุ่นมาทับดู แม่งไปด้วยกันได้ว่ะครับ

สาวๆ แคมเกิร์ลเปรียบเป็นไอดอล พวกเธอคุยกับคนที่แชทหรือจ่ายเงินคุยแบบส่วนตัวด้วยลูกยอลูกอ้อนที่ทำให้หนุ่มๆ ตัวลอยและรู้สึกว่าตนเองดูดีในมุมของพวกเธอ เหล่าหนุ่มที่มาแชทคุยดูพวกสาวๆ ก็เปรียบเป็นเหล่าโอตะ ส่วนนาย Loverboy ก็คือโอตะคุ หนุ่มอ้วนตัวใหญ่สายตาติดหื่นเก่งคอมทำงานเกี่ยวเน็ตเวิร์ค
ปกติแล้ว นาย Loverboy นี่ก็เป็นที่รู้จักของสาวๆ เปย์เก่ง แต่พอภาพตัวจริงของ Loverboy หลุดไป ปฏิกิริยาของพวกสาวๆ ที่เคยมีต่อ Loverboy ก็พลิกด้านทันที จากที่เคยปรนเปรอคำหวานต่อ Loverboy ว่าเป็นหนุ่มหวาน เป็นคนหล่อเท่แน่ๆ ก็กลายเป็นท่าทีที่ขยะแขยง เหยียดนาย Loverboy ผ่านหน้าตาต่างๆ นานา
Loverboy รู้สึกเหมือนโดนโอชิทุกๆ คนหักหลัง เขาผิดหวังมาก สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ก็คือ เฮน แม่งให้หมด เฮน=ฆ่าแม่งทิ้งหมด

ชอบความโหดตรงที่การเล่นงานที่ไม่ได้ทำให้ตายในทันที แต่เป็นการทำลายเหยื่อจนเหยื่อรู้สึกว่าไม่อยากจะมีชีวิตอีกต่อไป แล้วตัวเหยื่อที่ Loverboy ตั้งใจเลือกคนนั้นก็ดูจะเป็นตัวท็อปด้วยนั่นแหละ

จริงๆ มันก็คือหนังแนวไล่เชือด (slasher) นั่นแหละ ที่สุดท้ายฝั่งเหยื่อสาวก็จะเข้าล็อคการเป็น Final Girl กันไปแบบพอดีเป๊ะ

Rigodon (2012)

Rigodon (2012 / Erik Matti)
(Philippines)

พอดูจบ มันก็ไม่สามารถมองหนังกับเรื่องราวให้อยู่บนความมีสติหรือเหตุผลได้ ทำได้แค่มองไปแบบละครหลังข่าวที่อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลกันไป

ตอนแรกคิดว่าหนังจะวางเรื่องให้ตัวละครหญิงที่เปิดเรื่องเป็นตัวหลักของหนังนะ เธอผู้อกหัก โดนพ่อด่าเรื่องการเลือกผู้ชาย เจอหนุ่มสุภาพบุรุษคนหนึ่ง ย้ายออกไปจากบ้านพ่อไปอยู่เอง กับหนุ่มคนเดิมความสัมพันธ์พัฒนาไปเป็นคนรักเยะกันเป็นเรื่องปกติกันไป จนกระทั่ง หนังเผยชีวิตอีกด้านของผู้ชายคนนี้ แม่งเหี้ยยยย ตัวเองเป็นดาราตกอับ ดังจากเรียลลีตี้แต่ยากจะเป็นนักแสดงเพราะความบกพร่องเรื่องภาษาที่เก่งแต่ภาษาอังกฤษ ภาษาประเทศตัวเองพูดแล้วลิ้นพันกัน แต่งงานมีลูกมีเมียแล้ว ติดหนี้เจ้าแม่เงินกู้ มีความตอตลดตอแหล มารยาชายแข็งแกร่ง พูดไปโน้น อ้างงาน พ่นคำว่ารัก แล้วทุกอย่างก็คืนสู่ปกติ กับหญิงสาวสวยแซ่บก็บอกจริงจัง แต่ความจริงคบไว้เพื่อเยะเท่านั้นแหละ
ส่วนเรื่องทางบ้านผู้ชายเอง ตอนแรกก็ดูน่าจะยืนอยู่บนครอบครัวปกติ ที่พอเมียจับผิดผัวได้ก็สติแตก แต่จริงๆ ความสติแตกของเมียมันมีตัวเร่งด้วยโรคประจำของเธอเอง ก่อให้ทั้งสติแตกแบบเงียบในรูปแบบของคิดจินตนาการไปไกลกับแบบระเบิดอย่างการตวาดใส่ลูกสาวตัวเองอย่างรุนแรง

ชอบบทสรุปนะ คือบรรยากาศในซีนนั้น แม่งสัมผัสได้เลยว่าต้องมีห่าอะไรลงโครมในบ้านหลังนี้แน่ๆ คือยังคิดไปในรูปแบบละครหลังข่าวอยู่ แต่พอถึงจุดประทุจริงๆ มันเหวอมากๆ แบบที่ไม่คิดว่าจะมีในพวกละครหลังข่าวแน่ๆ เหตุการณ์แบบนี้ (เอ๊ะ หรือว่ามี)

Bedtime Eyes (1987)

Bedtime Eyes (1987 / Tatsumi Kumashiro)
(Japan)

มองภาพรวมแบบกว้างๆ เลยนะ มันก็คือหนังรัก ความรักที่ดำเนินอยู่บนความเหนื่อยใจ รักฝ่ายชายมากแม้ว่าเขาคนนั้นจะทำตัวเหลวแหลกก็ตาม ทะเลาะกันหนัก ผลักไล่ไสส่ง ไสหัวออกไป แต่สุดท้ายก็กลับมาตายรังแล้วฝ่ายหญิงก็โอบกอดเขากลับมาเพราะเธอรักและคิดถึงเขาจะเป็นจะตาย

ถ้าลงรายละเอียดก็จะเห็นได้จากปกหนังล่ะว่า มันคือหนังรักของคนที่แตกต่างกันเรื่องสัญชาติ สาวญี่ปุ่นกับคนอเมริกันผิวดำ
สาวญี่ปุ่นคือนักร้องตามคลับ ร้องเพลงแจ๊ซภาษาอังกฤษ พูดอังกฤษได้สบาย ชายผิวดำคือจีไอที่อยู่ในญี่ปุ่น ทั้งคู่พบหน้ากันแปปเดียว ชายผิวดำลากสาวญี่ปุ่นไปมุมอับที่ห้องเครื่องของคลับแล้วมีเซ็กส์กันตรงนั้น วันรุ่งขึ้นสาวญี่ปุ่นขอเลิกกับชายคนเป่าแซ็กวงเดียวที่อยู่ด้วยกันทันที หาที่พักพิงกับพี่สาวผู้มีบุญคุณรู้จักกันมานานคนหนึ่ง ระหว่างตามหาชายผิวดำคนนั้นที่รู้แค่ชื่อเดียวที่เขาบอกมา ชื่อนั้นคือ Spoon

ซึ่งพอหากันจนเจอ อาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้านสาวญี่ปุ่น ทั้งโลกก็เหมือนมีอยู่กันสองคน จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุ สาวญี่ปุ่นไม่เป็นอะไรมากแค่สายตาผิดปกติไปนิดเดียว ส่วนชายผิวดำนอนโรงพยาบาลแล้วทำให้เขาอยู่ในสถานะ U.A. (unauthorized absence) หรือหมายถึงเขาไม่ได้เป็นจีไออีก งานก็หาไม่ได้ อยู่แบบผิดกฏหมายกันไป ตรงนี้แหละที่เริ่มทำให้เกิดความเหนื่อยใจที่สาวญี่ปุ่นก็รู้ตัวแหละ แต่รักและต้องการอยู่กับคนรักคนนี้ต่อ แม้ว่าเขาจะเริ่มเล่นยาและหันมาหาเงินจากการขายยาแทน

จริงๆ ก็เพลียกับสถานการณ์ความรักของทั้งคู่แหละ รักหน้ามืดและทนอยู่กันแบบนี้ จนมาพีคเอาในช่วงท้าย มันความซับซ้อนในความสัมพันธ์ที่ไม่ได้มีแค่สองคน แต่ +1 มาเป็นสามคน

อีกส่วนหนึ่งชอบคือรายละเอียดของการไม่ได้เป็นหนังรักคนชาติเดียวกันนี่แหละ ผู้หญิงจะถูกสายตาคนชาติเดียวกันมองแบบไหนถ้ารู้ว่าไปหลับนอนมากับคนดำ หลักแล้วคนญี่ปุ่นมองคนดำเป็นลบเลยแหละ แล้วการพูดด้วยภาษาญี่ปุ่นกันเองต่อหน้าคนดำ มันก็ทำให้อีกฝ่ายที่เป็นคนดำรู้สึกได้เลยว่ากำลังถูกคนญี่ปุ่นตรงหน้ามองตนเป็นขยะอยู่ รู้ดีเลยว่าการคบกับคนดำของญี่ปุ่นมันไม่ใช่ความน่าภาคภูมิใจเลย ขนาดคนรักเขาเองที่แนะนำเขาคนดำต่อหน้าเพื่อนๆ เธอ ยังบอกว่าเขาคนดำคนนี้คือเพื่อน ไม่ได้บอกว่าเป็นคนรักของเธอ ..

แม้สุดท้ายแล้ว ทั้งเขาและเธอก็ค้นพบแหละว่า ต่างคนต่างรู้ตัวว่า เป็นคู่ชีวิตซึ่งกันและกันน เขาเกิดมาเพื่อเธอและเธอเกิดมาเพื่อเขา ร่างกายที่สร้างขึ้นมาเพื่อกันและกัน จะทะเลาะจะโกรธจะรังเกียจกันไม่ใส่ใจกันแค่ไหน วันเวลาผ่านไปความคิดถึงอย่างรุนแรงต่อกันมันก็ดึงดูดพวกเขาให้มาอยู่แนบชิดด้วยกันอยู่ดี
แต่พลังความรัก มันก็ไม่สามารถฝืนหลักความจริงต่อกฏเกณฑ์การใช้ชีวิตบนโลกนี้ไปได้อยู่ดี

Wrath of Silence (2017)

Wrath of Silence (2017 / Xin Yukun)
(China)

เป็นหนังตามหาลูกที่ดุเดือดจริงๆ ช่วงหลังๆ นี่เล่นเอานั่งไม่ติดเลย

พระเอกพูดไม่ได้ออกตามหาลูกชายที่หายไป ระหว่างเดินถือรูปตามไปข้ามเมืองไปเรื่อยๆ ก็โดนลากไปเกี่ยวกับพวกแก๊งผู้มีอิทธิพลที่กำลังถล่มพวกคนงานดั้งเดิมจากการยึดเหมืองมาได้ พระเอกก็แอบรู้สึกว่าพวกแก๊งรวมถึงหัวหน้า มันจะมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับลูกชายเขาที่หายไปหรือเปล่า ส่วนพวกแก็งนี้ที่หัวหน้ากำลังโดนทางการตรวจสอบอยู่ โดยเริ่มสาวจากทนายของหัวหน้ามา แล้วทั้งพระเอกทั้งความขัดแย้งของหัวหน้าแก๊งกับทนายที่ก่อตัวขึ้น มันก็พัวพันกันยุ่งไปหมดทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ/เข้าใจผิด

Urban Tale (2012)

Urban Tale (2012 / Eliav Lilti)
(Israel)

เส้นเรื่องจริงๆ อาจจะแค่ 30 นาทีเองก็ได้มั้ง พี่สาวน้องชายอยู่กันสองคน แม่เป็นมะเร็งตาย น้องชายต้องการตามหาพ่อที่จากเขาไปเมื่อตอนยังอายุ 3 ขวบ เขารู้แค่ชื่อต้นชื่อเดียว โทรไปองค์กรตามหาคน น้องชายต้องการเจอพ่อเพียงเพื่อจะบอกพ่อว่าแม่ตายแล้วนะ ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้พนักงานหญิงที่รับสาย ต้องการช่วยพยายามทำทุกอย่างเพื่อหาพ่อของเขาให้เจอ แล้วสุดท้ายก็ได้เจอ แต่มีเพียงน้องชายคนเดียวแหละที่ต้องการเจอพ่อ พี่สาวไม่อยากเจอและไม่ต้องการเจอ ผู้ชายคนที่ทิ้งครอบครัวไปคนนั้น

ที่เหลือนอกเหนือจากเส้นเรื่องหลักนี้ ก็คืออะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย จับมาแปะเป็นก้อนๆ ไปหลายๆ ก้อนจนในที่สุดตัวหนังก็ยาวหนึ่งชั่วโมงครึ่งจนได้
มีน้องชายเอากับอาจารย์หญิงรุ่นแม่เอากันจนเตียงสั่น หลังเสร็จกิจก็เป็นการคุยกัน อาจารย์หญิงแต่งงานแล้วมีลูกสามคน คุยเรื่องจิ๋มตัวเองที่พบดุ้นมาเยอะ คุยว่าจิ๋มตัวเองมีเด็กออกมาสามคนละ แล้วตนเองต้องบริหารจิ๋มเพื่อให้กลับมาฟิตเหมือนเดิม
ระหว่างไปโรงพยาบาล ก็เจอพยาบาลนำทางคุยเรื่องตัวเองอยู่คนเดียวตลอดสองนาทีไม่มีพัก
คุยกับผู้หญิงในบาร์คนหนึ่ง เรื่องผู้ชายเรื่องเซ็กส์และเรื่องเยะ
น้องชายไปบ้านอาจารย์หญิง ได้พบสามีอาจารย์ สามีอาจารย์ก็พูดเรื่องหน้าที่การงานตัวเองเชิงสอนสั่งลูกศิษย์ภรรยาคนนี้เผื่อภายภาคหน้าจะได้เอาไปใช้งานได้
น้องชายเดินริมถนน เจอตำรวจจับ เขาพยายามแก้ตัว แล้วก็กลายเป็นเรื่องราวของตำรวจที่พูดออกมาเกี่ยวกับพวกงานตำรวจระหว่างขับรถพาชายคนนี้ไปโรงพัก
ถึงโรงพัก เขาไปนั่งในคุก เจอชายคนหนึ่งพูดเกี่ยวกับเรื่องความรักที่เขาไม่ศรัทธา เรื่องเยะไม่ใช่เรื่องสำคัญในชีวิต แต่เขาแต่งงานแล้ว ที่มาอยู่ในคุกก็เพราะเขาฆ่าภรรยาตัวเอง
มีทนายมาประกันตัวเองน้องชายออกมา ทนายไม่ชอบบรรยากาศในโรงพักเพราะดูเหมือนเรือนจำที่เขาเกลียด ทนายพูดไปเรื่อยๆ ว่าเขาชอบพวกผู้หญิงอายุน้อยๆ
พี่้สาวคุยกับเพื่อน เพื่อนที่บอกแนะนำอีกฝ่ายว่า เธอลองโดนเล่นประตูหลังดูสิ สนุกนะ มันให้ความรู้สึกถึงจุดสุดยอดในอีกรูปแบบหนึ่งไปเลย
เจ้าหน้าที่คุยกับแม่ของสองพี่น้อง ในเรื่องการออมเงินหลังเกษียณ ทำนองนี้

แล้วในที่สุดน้องชายก็ได้พบและคุยกับพ่อตัวเอง

ในหนังก็มีจะหลายฉากที่สื่อไปในทิศทางว่า สองพี่น้องคู่นี้มีอะไรที่เกินเลยไปมากกว่ากันเป็นพี่น้องเฉยๆ แรกๆ อาจมีภาพน้องชายชักว่าวจนน้ำแตกระหว่างพี่สาวเดินลุกจากเตียงที่นอนเปลือนด้วยกันไปเปลี่ยนเสื้อ แล้วสุดท้ายก็มีฉากที่สองพี่น้องเอากันเอง เพราะฉากนี้มันอยู่ต่อกับฉากที่เพื่อนพี่สาววพูดเรื่องโดนเเอาประตูหลัง จึงไม่แน่ใจว่า เซ็กส์ของสองพี่น้องนี้คือเยะตูดพี่สาวตัวเองหรือเปล่า…

อีกอย่างที่สงสัย คือเมื่อเห็นรายชื่อนักแสดง ก็พบว่า คนที่แสดงที่พี่สาวน้องชาย นามสกุลเดียวกันเลย พวกเขาคือพี่น้องกันจริงๆ หรือเปล่าน้า แล้วในหนังก็มีฉากบดบี้กันเองอีกด้วยแหละ

สุดท้ายนี้ ขอแนะนำอย่างนึง อย่าให้ฉากโป๊มาล่อลวงคุณได้ มิฉะนั้นอาจรู้สึกเหมือนโดนหลอกลวง เพราะหนังมันก็ไม่ได้เน้นฉากโป๊ แถมการเล่าเรื่องเรื่องนี้ก็น่าเบื่อสิ้นดี อย่างที่บอก เส้นเรื่องหลักมีนิดเดียว ที่เหลือคืออะไรก็ไม่รู้ที่แปะโปะจนได้ความยาวที่ต้องการ

Kuroneko (1968)

Kuroneko (1968 / Kaneto Shindô)
(Japan)

ชอบการขยับเส้นเรื่องไปเรื่อยๆ ของหนังมาก แบบว่าบางช่วงของหนัง มันสามารถหยิบเอาทำหนังยาว(แบบพื้นๆ)ได้เรื่องนึงเลย แล้วกับ Kuroneko นี้ก็เหมือนจะหยิบไปได้แตกเป็นหนังเดี่ยวทื่อๆ ได้สามช่วงเลยก็ว่าได้

เปิดเผยเนื้อหา *****

ลูกชายถูกเกณฑ์ไปออกรบ บ้านจึงเหลือแค่แม่กับลูกสะใภ้ วันดีคืนดีทหารซามูไรกลุ่มนึงผ่านมาบาดเจ็บและหิวโซ บุกเข้าบ้านแม่กับลูกสะใภ้ นอกจากจะปล้นสะดมกันแล้วพวกมันเกือบ 20 คนก็ยังรุมข่มขืนผู้หญิงสองวัยคนนี้ก่อนจะเผาบ้านไหม้วอดวาย สามปีผ่านไป หญิงสาวสองคนเป็นผีมาดักล่อสังหารเหล่าซามูไรเป็นว่าเล่น นี่ก็ได้เส้นเรื่องนึง ที่สามารถลากไปแบบหาหมอผีมาปราบอะไรแบบนี้

แต่หนังไม่หยุดแค่อะไรง่ายๆ แบบนี้ เมื่อเกิดการดึงลูกชายกลับมา รอดตายจากสงครามกลับบ้านเกิด ได้เลื่อนยศกลายเป็นซามูไร แล้วถึงพบว่าบ้านตนเองไหม้วอด แม่และเมียหายไป ต่อมาคือกำแพงที่สั่งฝั่งต้องเจอ สองผีจะทำยังไงเมื่อตัวเองมีเป้าหมายคือล้างแค้นซามูไรทุกคนบนโลก แต่ซามูไรตรงหน้าคือลูกชาย/สามีตนเอง ส่วนซามูไรคนนี้ได้รับมอบหน้าที่การกำจัดสองผี แต่เขาก็อึ้งเมื่อพบว่าผีสองตนมีใบหน้าเหมือนแม่กับภรรยาเขามากๆ พวกเขาจะสามารถผ่านพ้นกำแพงตรงหน้าของตนเองไปได้หรือไม่
ซึ่งภายหลังก็เกิดบรรยากาศความโรแมนติกขึ้น ซามูไรคนนี้ยอมเชื่อว่าผีสาวคือเมียตัวเอง เขารักผีสาวตนนี้มากเหมือนเมียตัวเอง พลอดรักมีเซ็กส์กันทุกคืนตอนที่ออกมาทำหน้าที่ต้องกำจัดสองผีนี้ นี่ก็เป็นอีกเส้นเรื่องนึงได้ ที่ปลายทางคือการพยายามหาหนทางคินชีวิตให้ครอบครัวตัวเอง เปลี่ยนจากผีให้กลายมาเป็นคน อะไรแบบนี้

แต่สิ่งที่หนังเดินหน้าต่อ เล่นเอาช็อกอยู่นะ ความรู้สึกอิ่มเอิบของความรักที่หอมหวานได้สลายลงในทันตา เมื่อผีภรรยาต้องสลายไปจากโลกและกลับสู่นรกไป ช่วงเวลาแห่งความสุขก่อนหน้ามันคือการยอมเสียสละละเมิดข้อตกลงที่สองสาวทำไว้กับเบื้องบน ผีภรรยาแลกทุกอย่างละเมิดข้อตกลงเพื่อโอบกอดความรักและความสุขที่มีต่อสามีคนรักคนนี้เป็นครั้งสุดท้าย
ผีสลายไปหนึ่งตน ตัวซามูไรจะเดินหน้าไปทางไหน ผีเมียไม่อยู่เหลือแต่ผีแม่ เขาจะยังมองผีตนนี้เป็นแม่ตัวเอง/เป็นครอบครัวอยู่หรือมองว่าเป็นผีร้ายที่ต้องกำจัด มันเพราะหัวหน้าซามูไรที่กดดันเขามาอีกที ส่วนผีแม่ เธอจะเลือกทางเส้นทางชีวิตผีแบบเดียวกับลูกสะใภ้หรือว่าเลือกเส้นทางการเป็นผีร้ายฆ่าซามูไรต่อไปกันดี