Tag Archive | Shunji Iwai

All About “All About Lily Chou-Chou” (2002)

All About “All About Lily Chou-Chou” (2002 / Shunji Iwai, Naoto Shiraishi)
(Japan)

รีบดูตัวสารคดีอันนี้หน่อย เดี๋ยวจะลืมตัวภาพยนตร์ไปซะหมดก่อน

พอเริ่มก็เพิ่งรู้เลยว่า ก่อนหน้าจะเป็นฉบับภาพยนตร์นี่ มันเคยมีแบบเป็นนิยายมาก่อน แต่คงต้องเรียกเป็น Internet Novel มากกว่า โดยตัว Shunji Iwai ได้ทำออกมาเป็นรูปแบบเวปบอร์ดชื่อ Lilyholic ที่ผู้อ่านทุกคนมีอิสระที่จะโพสร่วมกับตัวละครของอิวาอิและตอบโต้กันและกัน.

ส่วนที่เหลือนอกเหนือจากนี้ก็คือพวกเบื้องหลังการสร้างการทำงานการถ่ายทำของ All About Lily Chou-Chou ซึ่งค่อนข้างดูได้เพลินมากๆดี โดยหลักแล้วเหล่านักแสดงจะเป็นเด็กและเป็นมือสมัครเล่นซะเป็นส่วนใหญ่ เราได้เห็นวิธีการทำงานร่วมกับเด็กของอิวาอิ เช่น ตอนไปโอกินาว่า พวกเด็กๆต้องถือกล้องถ่ายกันเอง อิวาอิเลยเอากล้องให้เด็กๆไปฝึกใช้งาน ถ่ายอะไรกันก็ตามใจชอบเพื่อจะได้คุ้นมือแล้วเป็นธรรมชาติตอนถ่ายทำกันจริงๆ หรือความยากในการบทพูดยาวๆ ซักซีนนึงสำหรับ Hayato Ichihara ในบท Hasumi Yūichi ที่กินเวลากันไปสองวันได้ สำหรับเด็กมันหาวิธีรับมือกับการลืมบทลืมชื่อที่พูดหรือพูดผิดพูดสะดุด อิวาอิก็จะแนะนำวิธีผ่อนคลายให้บ้าง แนะนำการคลายกังวลกดดันล่วงหน้าไปบ้าง



สำหรับคนที่เด่นสุดเลย เห็นจะเป็น Ayumi Ito เพราะทีมงานก็ยังบอกเองเลยว่า เธอเล่นเปียโนไม่เป็นนะแต่ไปฝึกมาเองจนสามารถเล่นได้ แต่ก็ไม่สามารถเล่นแบบอ่านโน๊ตได้ ที่เล่นได้คือการจดจำและเล่นตามจนถูก บางทีก็ต้องวางท่าดีดตามแอคติ้งโค้ชเปียโนอายูมิก็ทำได้ดีได้เป๊ะ ฉากที่คิดว่าน่าจะกดดันที่สุดคือฉาก ข่มขืน ที่เอาเข้าจริงกลับกลายเป็นนักแสดงชายเด็กมากกว่าที่กดดัน ส่วนอายูมิคือคนที่รับมือและและทำให้นักแสดงชายคลายความกดดันลงไปแทน และอีกช่วงที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือการโกนหัวของเธอ แรกๆก็ขำๆ ถ่ายตัวเองก่อนโกนหัวไว้ โทรหาแม่แล้วเปิดปัตตาเลี่ยนให้แม่ฟังก่อนจะเปิดซิงด้วยปัตตาเลี่ยนในมือไถหัวตัวเองเอาเลยก่อนจะปล่อยให้ทีมงานโกนหัวให้จนเกลี้ยง แต่พออิวาอิมาเท่านั้นแหละ จากอายูมิขำๆก็กลายเป็นร้องไห้วุ้ย อิวาอิเลยช่วยปลอบด้วยการตัดแต่งหัวให้เนียนสวยขึ้น. แล้วที่ชอบเลยก็คือความต่อเนื่องในการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ฉับพลันของตัวละครนี้ โดยแม้จะซ้อมบทกันก่อนหน้าอายูมิที่โกนหัวแล้วจะสวมหมวกไว้ดูเป็นปกติ แต่พอถ่ายทำจริง ปฏิกิริยาทั้งหลายของทุกคนในชั้นเรียนนั้นคือการได้เห็นตัวละครอายูมิโกนหัวแบบนี้กันเป็ฯครั้งแรกแบบพร้อมหน้ากันทุกคน

ส่วนฉากใหญ่สุด นี่ก็เพิ่งรู้ว่าเป็นตัวประกอบ 1000 คนเลย และไม่มีคอนเสิร์ตใดๆเกิดขึ้นทั้งนั้น และเพื่อความสมจริงที่สุด อิวาอิก็จะมีบทคราวๆ ให้ตัวประกอบทั้งหมดนี้ เช่นบางคนก็ทำตัวเป็นบัตรหาย บางคนก็ยืนถือป้ายรับซื้อบัตร บางก็เป็นคู่รัก บทพูดบางตัวก็ไร้สาระเช่น ปวดขี้อ่ะจะไปขี้ที่ไหนได้บ้างเนี่ยก่อนคอนเสิร์ตเริ่ม อะไรประมาณนี้.



แต่ที่เหนือความคาดหมายที่สุดก็คือ ความตื้นตันเล็กๆที่น้ำตาซึมตามจากตัวละครตัวประกอบในบทนักเรียนหญิงคนกลั่นแกล้งคนอื่น ที่พอปิดกล้องเธอร้องไห้จริงจังมาก บอกเกลียดบทนี้/ไม่ต้องการเล่นบทอะไรแบบนี้อีกแล้ว…

All About Lily Chou-Chou (2001)

All About Lily Chou-Chou (2001 / Shunji Iwai)
(Japan)

การรับมือชีวิตตัวเองของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน

-บางคนอดีตคือคนอ่อนแอโดนรังแก พอผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาติดๆ สองครั้งพร้อมกับเห็นคนเกือบตายซึ่งๆ หน้า มุมมองต่อโลกก็เปลี่ยนไปในด้านตรงข้าม กลายเป็นพวกที่รังแกคนอื่นไปจนเหยียบย่ำและหาผลประโยชน์กับคนอื่นด้วยวิธีที่ระยำแทน
-บางคนคือเด็กวัยรุ่นทั่วไปมีชีวิตที่สนุกสนานก็กลายเป็นพวกขี้แพ้ที่โดนรังแก การรับมือของเขาก็ยอมให้โดนเหยียบย่ำแบบนั้นต่อไป
-บางคนชีวิตพลาดไปแล้วตกเป็นเครื่องมือหาเงินให้คนอื่นด้วยร่างกายตัวเอง อาจมีความตั้งใจตัดสินชีวิตตัวเองอยู่ประมาณหนึ่งแต่ไม่กล้าเริ่มต้น จนกระทั่งได้เจอตัวจุดสวิตช์อย่างหนึ่งบนท้องฟ้า
-บางคนอ่านสถานการณ์ออกรับมือเป็นยอมถอยทุกครั้งถ้าเป็นไปได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนๆนั้นจะยอมตกเป็นเครื่องมืออีกฝ่ายเช่นกัน การโต้ตอบเดียวที่เธอแสดงออกคือการทำลายอย่างหนึ่งในตัวเองเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายใช้งานตนเองได้

ในตอนท้ายเรื่อง นับว่าเป็นโชคอย่างหนึ่งที่รับแอปเปิ้ลมาจากเพื่อนเหี้ยๆคนนั้น เชื่อว่าถ้าเขาไม่ได้พกแอปเปิ้ลไว้กับตัวเอง หลังงานคอนเสิร์ตนั้นวัยรุ่นที่ตายคงกลายเป็นสองคนแน่นอน

A Bride for Rip Van Winkle (TV, 2016)

A Bride for Rip Van Winkle (TV, 2016)

A Bride for Rip Van Winkle (TV, 2016 / Shunji Iwai)
(Japan)

The Bride of Rip Van Winkle ฉบับ Snyder cut 4 ชั่วโมง….. บ้าเหรอ ใช่ที่ไหนกัน 555 จริงๆ มันคือฉบับฉายทีวี 6 EP จบ

โดยรวมแล้วเนื้อหาคงเดิมนั่นแหละ แต่ความยาวที่เพิ่มอีกหนึ่งชั่วโมง(รวมเครดิตตอนจบEP) มันก็ชวนคิดว่าตัวเรื่องคงมีการเพิ่มเนื้อหามาเยอะแยะแน่นอน ซึ่งก็ถูกมีเพิ่มหลายฉากตามที่คิดแหละ แต่ขอไม่ลงลึกในส่วนนี้นะ(ขี้เกียจ) แต่ช่วงตอนใกล้จบนั้นการเพิ่มบางอย่างเข้ามาเสริมนั้น สำหรับฉันมันรวมๆ มันไม่ได้ต่างกันกับฉบับปกติหรอกแต่ในความรู้สึกที่สัมผัสได้จากการเสริมบางอย่างเข้ามานั้น ฉันรู้สึกว่ามันเติมเต็ม/มันอิ่มกว่าจริงๆ จนรู้สึกได้เลยว่าควรเบาใจ/สบายใจต่อชีวิตของนานามินับจากนี้ได้จริงๆ แล้วล่ะ

ภายใต้ความคิดที่ว่าในเมื่อหนังยาวขึ้นมันก็คงจะมีแต่เพิ่มฉากเท่านั้นล่ะว้า จนมาถึงช่วงท้ายประมาณ EP 5 กับ 6 ก็จะต้องเปลี่ยนความคิดนิดนึง เพราะฉบับฉายทีวีที่ยาวเพิ่มมา 1 ชั่วโมงนั้น มันไม่ได้มีแต่การจ้องจะเพิ่มฉากเพียงอย่าง การหั่นบางซีนทิ้งไปบ้างก็มีให้เห็นเช่นกัน ซึ่งสำหรับฉันนะ การหั่นบางซีนทิ้งบางส่วนจากทั้งหมดของซีนๆ นั้นในฉบับฉายทีวี แม่งคมกริ๊บ คือโคตรดี ให้อารมณ์ที่ต่างกันสุดขั้วเลยเมื่อเทียบกับฉบับปกตินั่น

เปิดเผยเนื้อหา *******
ซีนที่ว่าคือหลังจากนานามิกับมาชิโระใส่ชุดแต่งงานไปเที่ยวสนุกแล้วกลับบ้านมา ในฉบับทีวีจะให้ความรู้สึกที่เรียกได้ว่า ช็อกสุดๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งๆ ที่ถ้าดูฉบับปกติมาแล้วมันก็ปลายทางเหมือนกัน ฉบับทีวีคือภาพบรรยากาศความสุขของนานามิกับมาชิโระลากยาวตั้งแต่ลองสวมชุดแต่งงานกัน ถ่ายรูปกัน ไปโบสถ์กัน แล้วขับรถกลับบ้านมาเฮฮากันต่อก่อนจะเข้าไปในห้องสัตว์เลี้ยง ตัดฉับมาอีกที นานามิรู้สึกตัวตื่นมาเจอ อามุโร่ตรงหน้าก่อนนานามิจะรู้ตัวว่า มาชิโระที่นอนกอดตนเองจากด้านหลังนั้น เสียชีวิตไปแล้ว … ความตัดซีนแบบปุ๊บปั๊บนี้ รู้สึกช็อกตามนานามิจริง ซึ่งการตัดซีนพร่ำเพ้อพลอดรักถึงกันของทั้งคู่บนเตียงก่อนจะหลับกันไปแล้วเช้ามาอามุโร่มาถึงพบเห็นทั้งคู่นอนแน่นิ่งจนนึกว่าฆ่าตัวตายไปพร้อมๆ กัน พวกนี้ที่หายไป มันได้ผลมากๆ กับผลลัพท์ที่ออกมาแบบฉบับทีวีแบบนี้

สำหรับการเพิ่มบางฉากในหนังที่ได้ผลสุดๆ อีกฉากก็คือต้นเรื่องเลย ตอนที่นานามิเจอเพื่อนสมัยเรียนที่มาซื้อของมินิมาร์ทที่นานามิทำงานอยู่แล้วเพื่อนชวนกันไปกินชาบูที่บ้านเพื่อน ฉากที่เพิ่มคือการอธิบายตัวตนของนานามิอีกด้านได้ชัดสุดๆ เพื่อนที่ชวนเรื่อง AV แล้วเปิด AV ให้นานามิดู พบว่านานามินั้นไม่เคยดูอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต ตัดฉากมาอีกทีนานามิไปนั่งกอดเข่าอยู่อีกห้อง เหมือนกับนานามิไม่สามารถรับกับสิ่งนี้ได้ กับสื่อ AV และผู้หญิงที่ลดคุณค่าในตัวเองหากินทางนี้(ผมคาดเดาความรู้สึกของนานามิเองนะ) แล้วซักพักเพื่อนก็บอกความลับของตนเองกับนานามิ ที่ว่าเพื่อนคนนี้เธอเคยเล่นหนัง AV มาก่อน แล้วสิ่งที่เพื่อนคนนี้เป็นกังวลมากที่สุดคือกลัวครอบครัวจะรู้เรื่องนี้ ที่ลูกสาวตนเองไปเล่นหนัง AV เพื่อนเธอกลัวมาตลอดถึงความลับในอดีตของตัวเองแบบนี้ แล้วฉากนี้ก็จบไป
พอเราได้เห็นอีกมุมหนึ่งของนานามิต้นเรื่องเกี่ยวกับการตอบรับเรื่องของ AV มันเลยทำให้ช่วงครึ่งหลังของเรื่อง ที่เมื่อนานามิรู้ว่ามาชิโระเป็นนักแสดง AV มันเลยกลายเป็นว่า นี่คือบททดสอบของนานามิ ในเมื่อต้นเรื่องนานามิมีการตอบรับ AV แบบนั้น แล้วการที่เพื่อนรักคนเดียวของเธอเล่น AV แบบจริงจังด้วยแบบนี้ มันคือบททดสอบที่นานามิจำเป็นต้องก้าวผ่านการมอง AV ในแง่ลบไป

แล้วต่อเนื่องในเรื่องส่วนของ AV ไม่แน่ใจงว่าการตัดฉากที่นานามิและอามุโร่เอาอัฐิมาชิโระไปให้แม่มาชิโระถึงบ้านนั้น ตัดออกเพราะมีฉากแก้ผ้าของอามุโร่หรือเปล่า หรือว่าเป็นความตั้งใจที่ต้องการเอาฉากทั้งฉากที่ว่านี้ออกไปอยู่แล้ว ส่วนหนึ่งก็เป็นการเคารพการตัดสินใจของมาชิโระที่บอกอามุโร่เอาไว้เท่านั้น หรือไม่ก็ย้อนกลับไปยังตอนที่เพื่อนนานามิบอกความลับกับนานามิว่า เพื่อนกลัวและไม่อยากให้ครอบครัวรู้ว่าตนเองเคยเล่น AV ฉะนั้นการตัดฉากนี้ไปก็เหมือนการอิงความคิดที่ว่า ไม่อยากให้แม่รู้ว่าลูกสาวเล่น AV หรือกลัวจะกลายเป็นการตอกย้ำต่อแม่ว่าลูกตัวเองเล่นหนัง AV ถ้าในกรณีที่แม่รู้ว่าลูกตัวเองเล่น AV มาชิโระจึงบอกให้อามุโร่เอาอัฐิไปโยนลงน้ำซะเลย ตัดบทเลย ….หรือจริงๆ ผมอาจจะคิดมากเกินไปกันแน่5 5555 แต่ไม่ว่ายังฉันก็ชอบการตัดฉากไปบ้านแม่มาชิโระออกในเวอร์ชั่นทีวีนี้มากกว่า พอนึกๆ ดูก็รู้สึกว่าฉากไปบ้านแม่มาชิโระมันมีความล้นเว่อร์เกิน

เพราะนี่เป็นการดูเรื่องนี้เป็นรอบที่สามละ เลยทำให้สังเกตตัวละครอามุโร่บางอย่างได้เพิ่มขึ้น
เขาบอกเองว่าอามุโร่คือบทบาทที่เขาใช้ เขาไม่เคยพูดต่อหน้านานามิว่าตนเองคือ Ramba Ral เขาทำเป็นเหมือน Ramba Ral คืออีกคนที่เป็นนายจ้างเขาอีกที แต่ตอนที่แผนแบล็กเมล์นานามิที่สื่อไปทางมีชู้นั้น ผู้ชายคนที่บอกว่าเป็นแฟนของหญิงสาวที่สามีนานามิลักลอบคบกันอยู่ทักอามุโร่ที่นานามิขอความช่วยเหลือที่เข้าห้องมา ชายคนนั้นทักเขาว่า Ramba Ral ก็ยืนยันได้ชัดแล้วแหละว่า อามุโร่กับRamba Ralคือคนเดียวกัน
ดังนั้นมันก็จะคิดได้อีกแบบนึงเลย ว่าองค์นี้ Ramba Ral คือนายใหญ่คือคนรับงานแล้วต้องทำให้งานให้สำเร็จแบบไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายใดๆ ทั้งนั้น จึงเป็นไปได้ว่า ตอนที่อามุโร่บอกนานามิว่า แม่ของสามีเธอคือคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด แม่ของสามีนั้นแหละคือผู้ว่าจ้าง Ramba Ral ให้เกิดการจัดฉากทำลายชีวิตคู่ของนานามิลง
Ramba Ral คือตัวร้าย ส่วนอามุโร่คือบทบาทคนดีที่คอยช่วยเหลือนานามิอยู่ตลอด แม้ว่าจะเป็นผู้ชายคนเดียวกันก็ตาม

ว่าแต่ ใครเป็นแฟนกันดั้ม ช่วยลงรายละเอียดเกี่ยวกับตัวละคร Ramba Ral กับ อามุโร่หน่อยที ว่าคาแรกเตอร์ทั้งคู่มีจุดเด่นอะไรและความเชื่อมโยงอะไรถึงกันหรือเปล่า

Last Letter (2020)

last letter 2020

Last Letter (2020 / Shunji Iwai)
(Japan)

ครึ่งแรก สนุกสนาน น่ารัก ชวนให้ยิ้ม
กลางเรื่องดิ่งจนน่าใจหาย
ท้ายเรื่อง ไม่ ฉันต้องไม่ร้อง ฮึบ

ส่งข้อความผ่านจดหมายถึงกัน จากจดหมายเป็นตัวบุคคล ส่งเรื่องในครอบครัว/พี่น้องไปสู่ชายนักเขียน
จากเรื่องของนักเขียนสู่การรับรู้ของรุ่นลูก
จากนักเขียนเติมเต็มเรื่องอีกฝั่งจากบุคคลหนึ่งที่เหมือนเป็นต้นเหตุ จากนักเขียนคนเดิมถูกเติมเต็มเรื่องราวฝั่งผู้หญิงที่เขารักผ่านลูกสาว ท้ายสุดก็เหมือนปลดเปลื้องทุกอย่างจากการเติมเต็มเรื่องราวในหลายส่วนหลายคน

A Bride for Rip Van Winkle (2016)

A Bride for Rip Van Winkle.jpg

 

A Bride for Rip Van Winkle (2016 / Shunji Iwai)
(Japan)

พอชอบบครึ่งแรกมากๆ แล้ว ครึ่งหลังมันจึงไม่เข้าหัวเลย ส่วนหนึ่งอาจเพราะไปยึดติดตรึงกับตัวนางเอกในครึ่งแรกไว้อยู่ พอครึ่งหลังที่หันไปเล่าเรื่องผู้หญิงอีกคนแทน เลยขี้เกียจปรับตัวตาม

สปอย****

แม้จะชอบครึ่งแรกมากๆ แต่ฉันก็รู้สึกสนใจไอ้อามุโร่คนนั้นด้วย รู้สึกเคลือบแคลงกับสถานการณ์ที่ผลักชีวิตแต่งงานนางเอกตกเหวนั้น อามุโร่หัวหอกคนนี้มันจะวางแผนทำลงไปทำไม หวังดีอยากให้นางเอกหลุดพ้นชีวิตแต่งงานด้วยการทำลายหรอ ไม่ใช่มั้ง พอได้ฟังตอนอามุโร่โยงไปถึงแม่สามีนางเอก ตรงนี้ก็ยังสองจิตสองใจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับขี้ปากอามุโร่ จนมามั่นใจว่าไอ้อามุโร่คนนี้เป็นคนยังไงก็ตอนท้ายเรื่อง ตอนที่มาชิโระตาย อามุโร่คนนี้ให้ความสำคัญกับงานที่ถูกจ้างมาเป็นอันดับหนึ่ง สิ่งที่เขาพูดกับคนอื่นหรือนางเอก มันคือคำโกหกที่ผสมความจริงลงไป อามุโร่บอกนางเอกว่า มาชิโระต้องการเพื่อนนี่คือการว่าจ้าง แต่ความจริงมาชิโระต้องการคนที่พร้อมจะตายไปกับเธอต่างหาก ความจริงข้อหลังนี้นางเอกไม่รู้
จากตรงนี้ก็ทำให้ย้อนไปนึกถึงสิ่งที่อามุโร่พูดกับนางเอกถึงเบื้องหลังที่ทำให้ชีวิตแต่งงานนางเอกพังทลาย อามุโร่พูดสื่อไปว่าอาจเป็นแม่ของสามีที่อยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมด ความจริงอาจจะใช่ที่แม่นางเอกอยู่เบื้องหลัง แต่อยู่ในฐานะผู้ว่าจ้าง จ้างให้อามุโร่วางแผนจัดฉากให้นางเอกสิ้นท่าจนชีวิตแต่งงานพังลง (ทั้งนี้คือการคาดเดาทั้งสิ้น)

ส่วนตัวหนังจริงๆ นั้น อ่านของคนอื่นละกันนะ (แปะในเม้น)

Hana and Alice (2004)

Hana and Alice (2004)

 

Hana and Alice (2004)

งดงาม

ทั้งในเรื่องความเป็นสนิทไปจนถึงเรื่องความรักของเด็กสาวทั้งสองที่อยู่ ๆ ก็มาจนคุมกันไม่อยู่ จนกลายมาเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดเพราะดันหลงรักผู้ชายคนเดียวกันซะได้ มันทั้งรู้สึกฟินและเจ็บช้ำแทนกับทั้งคู่ไปในเวลาเดียวกัน

สิ่งที่ชอบมากที่สุดในหนังคือการผลลัพท์จากความตั้งใจของทั้งคู่ ที่ถึงแม้จะพยายามมากแค่ไหนมันก็ไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่ากับการเป็นตัวของตัวเองอยู่ดี
อลิสที่ไปแคสงานแสดงก็ดิ่งลงเหวตกรอบทุกครั้งแม้จะบากบั่นไปแคสมาตลอด ซึ่งความสำเร็จท้ายเรื่องนั่นมันเป็นข้อพิสูจน์ว่าการเป็นตัวของตัวเองกับสิ่งที่ตนถนัดที่สุด มันฉายแสงเปร่งประกายมากกว่าการพยายามเสแสร้งแสดงเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองอย่างการไปแคสงานทั้งหลายที่อลิสพยายามมา
ฮานะกับความพยายามในการโมเมว่าชายคนที่ตนแอบชอบฝ่ายเดียวคือแฟนของตนพร้อมกับล้างสมองชายคนนั้นให้คล้อยตามว่าเป็นแฟนคนล่าสุดของฮานะ แรกเริ่มมันเหมือนจะเข้าทางฮานะได้มีรักสมใจฝ่ายเดียวส่วนอีกฝ่ายยังอื้อ ๆ ตามไม่ทันอยู่ว่านี่เรื่องจริงใช่ไหม
มันส่งผลเสียหายทางจิตใจกับฮานะก็ตรงที่มันเริ่มลุกลามไปจนคุมไม่อยู่ หัวใจของชายที่ควรจะอยู่มือของตนกลับถูกหารสองให้ใครอีกคนที่ตัวเองดันเป็นคนดึงเข้ามาเพื่อเอาตัวรอด
ตอนท้ายนั้นความจริงจากปากฮานะที่พูดแล้วก็รู้ตนเองนั้นจะเจ็บปวดแน่ ๆ นั้นมันกลับกลายเป็นการทำให้อีกฝ่ายเป็นคนมอบยารักษาแผลให้โดยทันที จากสิ่งที่ชายคนนี้เป็นช่วงนี้ทำให้เข้าใจได้ว่าหัวใจของชายคนนั้นโอนเอียงมาหาใครและด้วยเหตุผลใด ส่วนตัวคิดว่าสิ่งที่ชายคนนี้ต้องการมากที่สุดคือความจริงใจที่ออกมาจากไม่ใช่คำโกหกหรือการไม่ยอมบอกสิ่งที่ตนอยากรู้ จึงทำให้อลิสตกรอบและฮานะเข้าเส้นชัยไปในที่สุด

สิ่งที่ทำให้ยิ้มได้เป็นอย่างแรกเลยสำหรับเรื่องนี้คือฉากเปิดเรื่อง เพราะการได้ดู The Case of Hana & Alice (2015) ก่อน ฉากจบในฉบับการ์ตูนมันกลายเป็นการเชื่อมกับฉบับภาพยนตร์เป็นเนื้อเดียวฉากเดียวกันเป๊ะ ๆ เลย

The Case of Hana and Alice (2015)

The Case of Hana and Alice

The Case of Hana and Alice (2015)

ตอนแรกว่าจะข้ามไปก่อน เพราะไม่เคยดู Hana and Alice เมื่อ 10 ปีก่อน กลัวจะต่อไม่ติดไม่เข้าใจเรื่องราว แต่พอรู้ว่า The Case of Hana and Alice นี้คือเรื่องราวก่อนหน้า ก็สบายใจและปล่อยตัวปล่อยใจไม่ต้องพะวงไหนก่อนไหนหลังอีกต่อไป

ตัวอนิเมะนี้ก็คือเรื่องราวก่อนหน้าที่ฮานะกับอาริสะจะได้พบได้รู้จัก อาริสะย้ายตามแม่จากเมืองหลวงมาอยู่บ้านนอก(ในสายตาเธอ) มาเรียนวันแรกก็เจอความประหลาดกับความเชื่อความงมงายการฆาตรกรรมอะไรซักอย่างของเพื่อนร่วมชั้นที่มีคนตายแบบไม่มีใครรู้แจ้งเห็นจริงมีแต่เชื่อกันว่า ซึ่งนักเรียนสองคนในเรื่องเล่านี้ หนึ่งในนั้นคือฮานะ เด็กสาวฮิคิโคโมริเก็บตัวในห้องไม่มาเรียน เพื่อนข้างบ้านของอาริสะนั่นเอง

ความสนุกปนตลกกับความเบ๊อะของพวกเด็ก ๆ ทั้งตัวอาริสะเองที่หลงไปอยู่กับเรื่องงมงายความเชื่อที่ไม่มีมูล แต่ส่วนที่คิดว่าสนุกรั่ว ๆ คือตอนที่อาริสะได้พบกับฮานะแล้วเริ่มร่วมมือกันเพื่อเคลียร์ที่ค้างคาใจของทั้งคู่ อาริสะที่อยากรู้อยากเห็นอยากช่วยฮานะในเรื่องของต้นตอที่ทำให้ฮานะกลายเป็นฮิคิโคโมริ ส่วนฮานะห้ามใจตัวไม่ได้เป็นห่วงนังอาริสะที่เข้ายุ่มย่ามในเรื่องส่วนตัวจนต้องตกกระไดพลอยโจนไปกับเขาด้วย ส่วนหนึ่งในใจฮานะก็อยากที่จะก้าวข้ามและสู้หน้ากับความรู้สึกผิดที่ติดอยู่ในใจให้ได้เช่นกัน

หนังน่ารักปนตลกกับความเบีอะของทั้งคู่ที่ไม่รู้ว่าบางช่วงบางตอนนี่พากันออกทะเลไปสร้างความเข้าใจผิดกับชาวบ้านได้ยังไง อารมณ์เครียดซีเรียสดราม่านั้นแทบไม่มี แต่อุดมไปด้วยความฟิลกู๊ดชวนให้ยิ้มได้ที่ปกคลุมตลอดทั้งเรื่อง
พอดูนี่จบก็อดคิดไปถึง Hana and Alice (2004) ที่ยังไม่ได้ดูว่า มันจะให้อารมณ์ความรู้สึกยังไงกันน้า จะสดใสโลกสวยแบบอนิเมะนี้หรือจะค่อนข้างจริงจังหนักแน่นกันแน่น้า

Swallowtail Butterfly (1996)

Swallowtail Butterfly (1996)

 

Swallowtail Butterfly (1996)

หนังยาวมาก แต่ในความยาวนั้นดูไม่เบื่อเลย เพราะเรื่องราวมันตีวงกว้างไปหลากหลายตัวละครดี

ในช่วงเปิดเรื่องไอ้ฉันก็คิดว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นเรื่องของเด็กสาวคนนี้คนเดียวทั้งเรื่อง ที่ต้องโดนถีบส่งไม่มีใครต้องไปเรื่อย ๆ เพราะแม่ที่เป็นโสเภณีโดนข่มขืนแล้วฆ่าตายในทุ่งหญ้า ส่วนคนรอบข้างก็สูบเงินของแม่ที่ตายไปหมดแล้วถีบส่งลูกสาวไปอยู่กับคนอื่น จนมาอยู่กับกูลิโกะ ผู้หญิงขายตัวชาวจีนแต่พูดได้หลายภาษา ทีแรกก็จะถีบส่งคนนี้ไปร้านคาราโอเกะนั่งดริ๊งอยู่เหมือนกันแหละ แต่ต้องเปลี่ยนใจเพราะไม่อยากเห็นเด็กที่ขาวสะอาดคนนี้ต้องกลายเป็นเศษเดนไร้อานาคตเหมือนเหล่าผู้หญิงที่เห็นในร้านนี้ เด็กสาวจึงอาศัยอยู่กับกูลิโกะ แล้วต่อจากนี้ไปเรื่องราวก็จะขยับขยายกว้างขึ้น ได้รู้ว่าสถานที่ที่พวกเขาอยู่กับมันมีสภาพเหมือนสลัมที่รวมผู้คนไว้หลากหลายเชื้อชาติคุยกันหลายภาษา แล้วก็พบกับพรรคพวกของกูลิโกะอีกกลุ่มหนึ่ง พบเรื่องราวชวนเหวอหนัก ๆ ที่พวกเขาต้องแบกรับแล้วความฟลุ๊กโชคดีที่ทำให้พวกเขาเดินตามความฝันที่ต้องการในเมืองหลวง

หลาย ๆ สถานการณ์ในหนังมันก็มีอยู่บ้างที่มักจะโผล่มาให้ได้ตั้งตัวปรับอารมณ์ไม่ทัน เหวอแดกใจหายใจคว่ำหมด ในบางช่วงมันก็แลดูเศร้าหม่นหมองเจ็บช้ำไปทั่วตัวเลย แต่ทั้งหมดทั้งมวลของหนังมันไม่ได้ดูซีเรียสหรือกดดันคนดูตลอดเวลาอะไรแบบนั้น ความสนุกปนตลกร้ายที่สามารถเรียกรอยยิ้มและความประทับใจปลาบปลื้มใจก็มีผสมปนอยู่เรื่องราวของพวกเขาทั้งนั้น

All About Lily Chou-Chou (2001)

All About Lily Chou-Chou (2001)

 

All About Lily Chou-Chou (2001)

หลงรักหัวปักหัวปำ ถึงแม้ว่าการรับชมเรื่องนี้ครั้งแรกจบ มันมีอะไรมากมายติดอยู่ในหัวเยอะแยะพร้อมกับข้อสงสัยเล็ก ๆ น้อย ๆติดอยู่ในหัวก็เหอะ รู้เพียงอย่างเดียวว่าหนังวัยรุ่นในโรงเรียนเรื่องนี้มันช่างหนัก มันดาร์คมืดมน และภาพความรู้สึกที่มันเจ็บปวดแสนสาหัส ที่ทำให้ขนลุกและหายใจได้ไม่ทั่วท้องตลอดการรับชมหนังเรื่องนี้

ภายหลังจากการได้อ่าน ข้อมูล มากมายมหาศาลในบล็อคนี้ มันก็ทำให้ความขัดข้องใจบางอย่างได้บรรเทาลง และมีความรู้สึกว่าอีกไม่นานคงจะหยิบเรื่องนี้มาดูซ้ำอีกเป็นแน่แท้
Blog : http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=merveillesxx&date=12-02-2005&group=1&blog=1