Animal (2023)

Animal (2023 / Sandeep Reddy Vanga)
(India)

นี่มันหนังชายแท้ชายเป็นใหญ่ชายทั้งแท่งเลยนี่หว่า

สำหรับพระเอกอาวุธและความรุนแรงคือการแก้ปัญหา พระเอกรักครอบครัวสุดๆ แต่สำหรับพ่อมันคืออีกขั้นของความรักและนับถือ พ่อเป็นดั่งพระเจ้าสำหรับเขา แม้พ่อจะไม่เคยชายตามาให้ความสำคัญกับชีวิตลูกชายคนนี้เลยก็ตามที ช่วงเวลาแบบพ่อลูกของทั้งคู่เลยขาดหายไป พ่อเขาเป็นดั่งผู้ทรงอิทธิพลของประเทศผ่านธุรกิจใหญ่โต แต่แล้ววันหนึ่งพ่อของโดนลอบยิงถึงสองนัด ลูกชายที่อยู่เมืองนอกกับเมียมีลูกสองคนก็ต้องบินกลับมาหาพ่อ แล้วให้คำมั่นใหญ่โตว่า มันผู้ใดอยู่เบื้องหลังการทำร้ายพ่อเขามันต้องไม่ตายดี

หนังยาวสามชั่วโมงยี่สิบนาทีกว่า แถมทิ้งเชื้อไว้ว่าจะมีภาคต่ออีกนะ (มึงทำมากูก็ดูวะ) แม้จุดที่เหมือนจะเป็นเป้าหลักของหนังอย่างการไล่ล่าควานหากันว่าใครมันคือคนที่วางแผนลอบฆ่าพ่อพระเอกก็ตาม แต่สิ่งที่ดูจะเน้นเป็นหลักมากกว่าก็คือเรื่องของความสัมพันธ์เป็นพิษ ที่นอกเหนือจากความสัมพันธ์พ่อลูกแล้ว มันก็ยังมีความสัมพันธ์แบบสามี-ภรรยาด้วยนี่แหละ
ชอบที่ครึ่งแรกมันทำให้พระเอกสวมคราบพระเอกหนังบู๊ข้ามาคนเดียวศัตรูเป็นร้อยก็เอาไม่อยู่ได้อย่างโคตรเว่อร์ดี ตลกสัสอีกด้วยเพราะระหว่างที่พระเอกลุยเดียวลูกน้องเขาก็จะร่วมกันร้องเพลงปลุกกันอยู่อีกฝ่ายหนึ่งกัน แต่หลังจากนั้นมันก็คือความสมจริงที่หนังอินเดียประเภทนี้ทำเป็นมองข้ามกันไป นั่นก็คือ เมื่อพระเอกลุยแหลกฝ่าหมัดจีนมีดและกระสุนมา แม้จะรอดมาได้แต่สภาพหลังจากนั้นของพระเอกในเรื่องนี้ คือแทบจะนับเวลาถอยหลังรอวันตายเลยก็ว่าได้ เนื่อด้วยสภาพร่างกายที่บอบช้ำ หัวใจพร้อมจะล่มเหลวได้ทุกเวลา หูหนวกหลังเหตุการณ์ปะทะ ระบบปัสาวะล้มเหลวต้องสอดท่อเข้าองคชาติของพระเอกแทน



ซึ่งสภาพของพระเอกแบบนี้เองแหละ ที่ทำให้พ่อเขาอ่อนลงพร้อมแสดงให้เห็นถึงภาพแบบพ่อผู้เป็นห่วงลูกชายที่สมควรต้องพักฟื้นมากกว่า กลับกันพระเอกไม่ได้คิดแบบนั้น ไม่ว่าร่างกายจะย่ำแย่แค่ไหนเขาก็รู้ว่ายังไม่ได้ถอนรากถอนโคนพวกที่ลอบทำร้ายพ่อเขาจนหมด ฉะนั้นพระเอกจะไม่ยุติเป้าหมายนี้ลงเพื่อพักฟื้นร่างกายให้หายดีเป็นแน่แท้.

นี่ก็คิดนะว่า ถ้าหนังทำภาคต่อ ก็อยากให้โดดข้ามไปเริ่มที่รุ่นลูกพระเอกไปเลย เรียกว่าการทิ้งเชื้อไว้ของเรื่องนี้มันพร้อมมากๆสำหรับทุกๆฝ่ายที่ปรากฏในหนังเลยก็ว่าได้ สำหรับรุ่นลูกไปอีกที

เปิดเผยเนื้อหา *****



ส่วนไอ้เรื่องพวกชายแท้ชายเป็นใหญ่ชายทั้งแท่งนี่ มันก็ดูไม่ได้ใช้เป็นประเด็นหลักหรอก แต่จะสอดแทรกเข้ามาอยู่เรื่อยๆ เช่น การโกนหมอย การออกศึกเข้าปะทะกับศัตรูต้องปกปิดให้มิดชิดหรือต้องสวมกางเกงในให้พร้อม ตอนมีเซ็กส์ครั้งแรกกับนางเอกบนเครื่องบินก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำ นางเอกอยู่ข้างล่างก็นอนเฉยๆ ส่วนพระเอกอยู่ข้างบนก็ต้องควบคุมร่างกายกับนางเอกและสายตาก็สอดส่องไปยังที่คนขับเครื่องบินเพื่อสังเกตุการณ์ (ทั้งลำอยู่กับสองคน) ความมั่นใจของชายทั้งแท่งที่เมื่อร่างกายฟื้นฟิตเต็มร้อยก็เดินแก้ผ้าอวดทอ่นลำตัวเองเลยสิครับ หรือพวกแฟนตาซีของผู้ชายที่ถูกสื่อออกมาทางมุสลิมชายกับภรรยาทั้งสามคน แฟนตาซีที่ว่าก็คือรสนิยม โดยรุมของผู้ชายนั่นเอง การสู้กับลูกผู้ชายตัวต่อตัวห้ามลูกน้องเข้ามายุ่งทั้งนั้น แม้กระทั่งช่วงปิดฉากตัวร้ายท้ายเรื่อง คำถามที่น่าจะประนีประนอมกันได้ว่า พอมีวิธีมั้ยจากการถามของพระเอก ตัวร้ายก็ตอบด้วยภาษากาย รูปซิปกางเกงลงแล้วชี้ไป สื่อได้ตรงๆว่า “อมควยกูก่อนสิ” แต่ที่จุกเหี้ยๆ สำหรับฝ่ายหญิงอย่างเมียพระเอกเลยก็คือ การที่คนรักไปนอนกับผู้หญิงอื่น แม้พระเอกจะอ้างว่านั่นคือแผนการในล่วงความลับฝ่ายศัตรูโดยมีพ่อของเขาเป็นเดิมพัน แต่ผู้หญิงที่ไหนจะไปรับฟังข้ออ้างแบบนี้ได้กันวะ หนักกว่านั้นคือการพูดตรงๆตอบตรงๆของพระเอกที่ไม่โกหกเมียตัวเองเลยซักนิดเดียว เช่น เนื้อแนบเนื้อที่ว่าไม่ใช่มวยปล้ำแต่เป็นเซ็กส์ เมียถาม จูบปากมั้ย พระเอกตอบจูบ หนักสุดก็คือ ถุงล่ะสวมมั้ย … แม้พระเอกจะไม่ได้ตอบแต่ก็ชัดว่าไม่ได้สวม พระเอกแตกในด้วยมั้ย คำตอบอยู่ก่อนหนังจบโน้นเลย แล้วพอเมียพูดประหนึ่ง ถ้าฉันทำบ้างล่ะ ฉันเจ็บคุณต้องเจ็บด้วย พระเอกก็แสดงความชายเป็นใหญ่ข่มทันที เขาจะไม่มีวันยอมให้เมียเขาทำแบบนั้นนอกใจเขาไปนอนกับชายอื่นแน่ๆ

Tags: , , , , , ,

Leave a comment