Heartbeast (2022 / Aino Suni)
(France / Finland / Germany)

“ว่ากันว่า หลักในการแต่งเพลงบางทีนักดนตรีก็จะเอาชีวิตตัวเองนี่แหละมาเป็นเนื้อเพลง”

สำหรับเรื่องนี้ เนื้อเพลงครึ่งแรกมันก็คือการเอาความรู้สึกรักแรกพบมาเขียนเนื้อเพลงเพลงนึงขึ้นมา บรรยายถาโถมความรู้สึกตนเองมอบไปสู่อีกฝ่ายที่ตนเองตกหลุมรักเข้าอย่างจัง. นักดนตรีแร็ปเปอร์ในที่นี้ก็คือสาวอายุสิบเจ็ด ตัดสกินเฮดย้อมสีเขียวดูเท่และมาดแมน ส่วนอีกฝ่ายที่เธอตกหลุมรักก็คือ นักเต้นเด็กสาววัยเดียวกัน สำหรับนักดนตรีแร็ปเปอร์ที่ยังไม่ได้มีความกล้าในการขึ้นเวที ก็กลายเป็นเพลงที่แต่งถึงอีกฝ่ายแค่ครึ่งเดียวนี้ได้กลายเป็นแรงผลักดันให้ตนเองมีความกล้าขึ้นเวทีไปร้องเป็นครั้งแรกได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เธอกังวลและกลัวยิ่งกว่าก็คือ ถ้าอีกฝ่ายได้ฟังเต็มๆ ครึ่งเพลงนี้แล้วพบว่า นี่คือความรักแบบเลสเบี้ยน อีกฝ่ายจะยังมีมิตรไมตรีคงความสัมพันธ์แบบคนสนิทเหมือนเดิมอยู่ได้หรือไม่.

จะว่าไป หลังจากนั้นก็รู้สึกเหมือนหนังหลุดโทนไปบ้าง เพราะจากเรื่องของดนตรีและความรักแบบเพศเดียวกัน มันก็กลายเป็นความดำมืดความดาร์กความคิดเหี้ยๆ ที่เผยการกระทำออกมาแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์จนเหมือนทำลายชีวิตคนๆ หนึ่งขึ้นมา แม้ตนเองจะแสดงตนว่าเราอยู่ตรงนี้เราไม่ไปไหนเราจะเป็นกำลังใจให้เธอตลอดไป แต่สิ่ที่แอบแฝงไว้ในความห่วงใยมันคือสิ่งที่ผิดปกติที่พร้อมจะฉุดอีกฝ่ายลงเหวได้ทุกเมื่อหรือทำร้ายคนอื่นที่เข้ามาสอด.

ความหลุดโทนตรงนี้ออกไปฉันก็รู้สึกได้เลยว่า ไม่ค่อยชอบซักเท่าไหร่ มันดูตั้งใจให้คนๆหนึ่งกลายเป็นคนที่เหี้ยคนห่าระยำเกินไป จนกระทั่งมาถึงตอนจบของหนังนี่แหละ
“ว่ากันว่า หลักในการแต่งเพลงบางทีนักดนตรีก็จะเอาชีวิตตัวเองนี่แหละมาเป็นเนื้อเพลง” ใช่แล้วครับ เนื้อเพลงอีกครึ่งหลังอีกครึ่งหนึ่งที่ถูกเขียนออกจนครบเพลงแล้ว ถ้าเนื้อเพลงครึ่งแรกคือความหวานแบบเพลงรัก เนื้อเพลงครึ่งหลังแม่งก็สุดจะขมเสียเหลือเกิน แต่ไม่ว่ายังไง จะเนื้อเพลงครึ่งแรกหรือครึ่งหลังก็ตาม มันก็สะท้อนเรื่องราวชีวิตในมุมมองของแร็ปเปอร์หัวเขียวคนนี้ออกมาได้อย่างหมดจดจริงๆ เพลงดีเพลงเพราะด้วยนะเว้ยเฮ้ย แม่งมาโดนเส้นกับหนังเรื่องนี้ก็ตอนที่ได้ฟังเพลงแบบเต็มเพลงพร้อมเข้าใจเนื้อเพลงนี่แหละ

อีกอย่างที่โคตรรักในบทสรุปของหนังอย่างหนึ่งเลยก็คือ การสะท้อนเรื่องของดนตรีออกมาผ่านผู้ฟังผ่านนักดนตรีคนแต่งเพลงและผ่านตัวบุคคล
สำหรับแฟนเพลงอาจไม่คิดอะไรแล้วมองแค่ว่า “ศิลปินคนนี้แม่งโคตรเท่ เพลงโคตรเจ๋งเลย-โคตรเพราะเลย เขียนเนื้อออกมาได้ทิ่มแทงใจสัสๆ ทำได้ไงวะ” แต่สำหรับในมุมนักดนตรีหรือตัวบุคคล ที่เมื่อยกประโยคนี้มา “ว่ากันว่า หลักในการแต่งเพลงบางทีนักดนตรีก็จะเอาชีวิตตัวเองนี่แหละมาเป็นเนื้อเพลง” มันก็จะสะท้อนความจริงที่ว่า ชีวิตจริงของนักดนตรีคนแต่งเพลงคนนั้นแม่งคือคนที่เหี้ยคือคนระยำตำบอนคนToxic ตัวอันตรายคนหนึ่ง.

Tags: , , , , , , ,

Leave a comment